ในช่วงระยะ 4-5 ปี มานี้ กระแสของ “ถั่งเช่า” มาแรงอย่างต่อเนื่อง เพราะถั่งเช่าอุดมไปด้วยสารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่สนใจอยากเพาะถั่งเช่าเพื่อรับ
ประทานเองภายในครอบครัวและเพื่อจำหน่ายเป็นการค้า ซึ่งปัจจุบันการเพาะถั่งเช่าก็ไม่ใช่เรื่องยาก หลายสถาบันมีการเปิดอบรมการเพาะถั่งเช่าเป็นอาชีพรวมทั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏ
เชียงใหม่ โดย ผศ.ดร. ธัญญา ทะพิงค์แก ผู้คิดค้นวิธีการเพาะถั่งเช่า ที่ได้เปิดอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเพาะถั่งเช่า” เป็นแห่งแรกในประเทศไทยและอบรมมาอย่างต่อเนื่องรวมทั้งหมด 25 รุ่น มีผู้ที่ผ่านการอบรมกว่า 1,000 คน แต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จทำเป็นการค้ามีเพียง 10% เท่านั้น เนื่องจากการผลิตถั่งเช่าเพื่ออุตสาหกรรมจำเป็นต้องควบคุมคุณภาพการผลิตให้ได้มาตรฐานทำให้การลงทุนค่อนข้างสูง อีกทั้งผู้ผลิตต้องทำตลาดเองและหาตลาดให้แน่นอนก่อน การผลิตถั่งเช่าเป็นการค้าจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปเพราะขณะนี้มีผู้ประกอบการหลายรายที่ประสบความสำเร็จจากการเพาะถั่งเช่า สามารถส่งออกจนมีรายได้ปีละนับล้านบาท อย่างไรก็ตามการเพาะเพื่อบริโภคในครัวเรือนทำได้ไม่ยาก ลงทุนไม่สูงมากและยังเป็นการส่งเสริมให้คนไทยหันมาดูแลสุขภาพโดยการรับประทานถั่งเช่าที่มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย
วิธีการรับประทานถั่งเช่าสามารถทำได้หลายวิธีโดยหลังเก็บเกี่ยวจะนำมาตากแห้ง ตั้งแต่โบราณมาใช้ในรูปของการรับประทานสด ต้มรับประทานในลักษณะชาถั่งเช่า ยาต้ม ยาดองเหล้า หรือยาบดเป็นผง ต่อมามีการพัฒนาวิธีการสกัดให้ได้ตัวยาที่เข้มข้นบรรจุเป็นแคปซูล หรือยาเม็ดอีกทั้งนำไปเป็นสวนผสมของเครื่องดื่ม ตลอดจนอาหารเสริมต่างๆ ซึ่งในบ้านเราพบในรูปแบบของซุปไก่สกัดผสมโสมและถั่งเช่า กาแฟผสมถั่งเช่า ซึ่งกาแฟชนิดนี้จะมีราคาสูงกว่ากาแฟตามท้องตลาดถึง 30 เท่าต่อซอง
